ทฤษฎีการให้ปรึกษาแบบอัตถิภาวะนิยม
ที่มา
พัฒนามาจากปรัชญาแนวภวนิยมโดยมี
เคิร์กการ์ด บิดาของปรัชญาภวนิยม และนิตเซ่ ได้นำมาพัฒนาโดย มาร์ติน ไฮเด็กเกอร์
คาร์ล เจสเปอร์ ในเยอรมนี และจอง พอล ชาร์ต อัลเบอร์ต คามัส การ์เบียนมาแชล
ได้พัฒนาอย่างแพร่หลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากผู้คนตระหนักถึงภัยร้ายของสงคราม
เกิดความทุกข์ทรมานจากความรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองและเกิดความรู้สึกว่าไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตของตน
รู้สึกเป็นเครื่องจักร รู้สึกโดดเดี่ยว แปลกแยก ว้าเหว่ นักจิตวิทยาในยุคนั้น
ได้พยายามแสวงหาทางออก
มีจุดเริ่มต้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในปี 1930 โดยนักจิตวิเคราะห์ 2 ท่าน คือ ลุควิก บินส์เวอนเกอร์ และเมออาร์บอส
หลังจากพวกเขาได้อ่านผลงานของเคิร์กการ์ดและมีอีกหลายท่าน เช่น วิคเตอร์ แฟรงเคิล
ไม่เห็นดอยกับแนวคิดของฟรอย์ดได้พัฒนาการบำบัดแบบโลโก้
เป็นชาวยิวถูกจับไปกักกันในค่ายนาซี ทุกคนในครอบครัวของเขาเสียชีวิตที่นี้ผลักดันให้เขาต่อสู้ไม่ยอมพายแพ้ต่อสภาพแวดล้อมใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย120 แห่งทั่วโลก
มีความเห็นว่าความรักคือเป้าหมายสูงสุดที่มนุษย์พึงปรารถนา
บุคคลจะพ้นภัยได้เพราะความรักแม้อยู่ในสภาวะที่โหดร้ายก็สามารถรักษาอิสระทางวิญญาณได้
โรลโล
เมย์ นำเอาปรัชญาแบบภวนิยมจากยุโรปไปสู่อเมริกา
ชีวิตที่บ้านไม่มีความสุขเขาประสบความล้มเหลวสองครั้งเขาป่วยเป็นวัณโรคขณะศึกษาปริญญาเอกต้องหยุดพักการศึกษาสองปี
ได้แต่งหนังสือหลายเล่มที่สะท้อนถึงลักษณะของมนุษย์ช่วยให้คนค้นพบความหมายของชีวิต
ทำให้ชีวิตมีคุณค่า เออร์วิน ยาลอม
ได้ใช้ประสบการณ์ทางคลินิกและการวิจัยเชิงทดลงในการพัฒนาวิธีการแบบภวนิยม
ทรรศนะเรื่องธรรมชาติมนุษย์
1. มนุษย์มีคุณค่าเอกลักษณ์เฉพาะตน ดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี
บุคคลต้องให้ความสำคัญกับตนเองเท่าๆ
กับให้ความสำคัญในการสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น
ต้องรู้จักและสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพัง
บุคคลอาจสูญเสียความเป็นตัวเองโดยดำเนินชีวิตตามความคาดหวังของผู้อื่นหรือดำรงชีวิตตามที่ผู้อื่นกำหนด
ค้นหาค่านิยมจากคนสำคัญของโลกมากว่าค้นหาคำตอบภายในตนเอง พยายามสร้างความพึงพอใจให้คนอื่นยอมรับ
2. มีเสรีภาพในการกำหนดวิถีชีวิตของตนเองเมื่อมนุษย์ขาดเสรีภาพทางสังคมแต่มาสามรถลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ลงได้
สิ่งแวดล้อมไม่ได้กำหนดตัวเราแต่เราเป็นผู้กำหนดตัวเราเองว่าจะยอมแพ้หรือต่อสู้
การดำรงชีวิตที่ไม่แท้จริงคือการกล่าวโทษตำหนิสิ่งแวดล้อม
และการเลือกนั้นต้องมีความรับผิดชอบด้วยเหมือนผู้สร้างชีวิตและสร้างปัญหาให้ตนเอง
3. มนุษย์มีความตระหนักรู้ในตนเอง
ทำให้มนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์จึงต้องมีความรับผิดชอบต่อชีวิตตนเอง
ตัดสินใจสร้างทางเลือกได้อย่างอิสระ หากเลือกจากความเห็นของคนอื่นเขากำลังแสวงหาการยอมรับจากผู้อื่นแทนที่จะเป็นตัวของตัวเอง
4. มนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีสังคมและสิ่งแวดล้อม
5. มนุษย์ไม่ใช่ตัวตนที่คงที่มีความยืดหยุ่นและวิวัฒนาการตลอดเวลา
6. ชีวิตของมนุษย์เป็นสิ่งที่มีความหมาย บุคคลมีการแสวงหาความหมายของชีวิต
ความต้องการความหมายของชีวิตเป็นแรงจูงใจอันดับแรกของมนุษย์
มนุษย์พร้อมที่จะเผชิญกับความยากลำบากต่างๆ ตราบที่เขามองเห็นความหมายในสิ่งนั้น
ขั้นตอนการปรึกษา
1. ขั้นเริ่มต้น
สร้างสัมพันธภาพที่มีความเคารพ
2. ขั้นดำเนินการให้การปรึกษา
เน้นการรับรู้ในปัจจุบันที่นี่และเดี๋ยวนี้
2.1 ทำความเข้าใจกับประสบการณ์ของผู้รับการปรึกษา
2.2 ช่วยให้ผู้เข้ารับการปรึกษารับรู้และตระหนักถึงความมีอยู่ของตน
2.3ช่วยให้ผู้เข้ารับการปรึกษาค้นหาความหมายและเป้าหมายของชีวิต
2.4 ช่วยให้ผู้เข้ารับการปรึกษาได้รับรู้และให้เสรีภาพของตนอย่างเต็มที่
2.5 ช่วยให้ผู้เข้ารับการปรึกษาสามารถเลือกสิ่งที่มีคุณค่าต่อตน
2.6 ช่วยให้ผู้เข้ารับการปรึกษารับผิดชอบในสิ่งที่เลือกและการกระทำของตน
2.7 ช่วยให้ผู้เข้ารับการปรึกษาเชื่อมั่นในการตัดสินใจและนำตนเองสู่จุดหมาย
3. ขั้นยุติการปรึกษา
เปิดโอกาสให้ทบทวนสิ่งที่ได้รับอาจให้ข้อมูลย้อนกลับเพิ่มเติมตามทรรศนะคติภวนิยม
เทคนิคการให้การปรึกษา
ไม่มีเทคนิคอย่างชัดเจน
มีอิสระที่จะบูรณาการเทคนิคต่างๆ มาใช้
โดยต้องใช้ด้วยความเคารพในความเข้าใจของผู้รับการปรึกษา โดยกระตุ้นให้เขาตระหนักว่าเขาเป็นบุคคลที่มีอิสระมีบทบาทเป็นผู้เลือก
เช่น
อาจใช้เทคนิคการให้การปรึกษาแบบเกสตัลท์หรือแบบวิเคราะห์ความสัมพันธ์แบบจิตวิเคราะห์หรือแบบผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง
อาจแบ่งได้เป็นข้อดังต่อไปนี้
1. วิธีเผชิญความจริงให้กล้ายอมรับความจริง
2. อธิบายให้เขาเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา
3. ให้เขาเรียนรู้วิธีตัดสินใจอย่างถูกต้อง
4. อธิบายด้วยเหตุและผลให้ผู้รับบริการเข้าใจปัญหาของตน
5. วิธีหันเหความสนใจโดยทำให้โกรธหรือมีอารมณ์ขันเพื่อหันความสนใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมองเหตุการณ์นั้นด้วยมุมมองใหม่
เป็นทฤษฏีการให้คำปรึกษาที่ใช้แก้กับปัญหาสำหรับผู้ที่มีทุกข์ระดับอารมณ์และความรู้สึกโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า ความหมายของความเป็นมนุษย์คืออะไร เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับปรัชญาที่ว่าความหมายของชีวิตคืออะไร
ทฤษฏี Existentialism นี้นับเป็นกระแสที่
3 ในวงการจิตวิทยาและการให้คำปรึกษา
เป็นการตอบโต้ทฤษฏีจิตวิทยาวิเคราะห์และพฤติกรรมนิยม ผู้ให้คำปรึกษา
Existentialism นี้ยืนยันที่จะไม่ตัดสินมนุษย์ จุดสนใจของผู้ให้คำปรึกษาทฤษฏีนี้อยู่ที่เงื่อนไขของความเป็นมนุษย์ซึ่งรวมถึงความสามารถที่จะมีสติเป็นของตัวเอง
มีอิสระในการตัดสินใจในโชคชะตาของตนเองแต่จะต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นจากขึ้นการตัดสินใจ
อีกทั้งวิถีการดำเนินชีวิตของบุคคลที่เป็นไปอย่างไร้ความหมายอันแตกต่างไปจากผู้อื่น
ก็เป็นจุดสนใจของทฤษฏี เช่นกัน
ทฤษฏีนี้เชื่อว่าพัฒนาการทางบุคลิกภาพของคนปกติขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละคน
ความรู้สึกที่บุคคลมีต่อเองพัฒนามาจากสภาพความเป็นทารก
ความคิดหลักของมนุษย์ ได้แก่
ข้อกำหนดที่จะต้องปฏิบัติของตนเอง และความต้องการที่ จะก้าวไป
ข้างหน้าอันเป็นความต้องการที่จะแสดงออก หรือต้องการจะเป็นอะไรสักอย่าง
ซึ่งเป็นวิธีการที่มีทิศทางในอนาคต และเน้นที่การมีสติก่อนที่จะลงมือกระทำการใด
ๆ บุคคลสำคัญในทฤษฏี
Existentialism นี้ได้แก่
Binswanger May และ Frankl
ความเชื่อเกี่ยวกับธรรมชาติมนุษย์
ทฤษฎีนี้เชื่อว่ามนุษย์เรามีอิสรภาพ
(Freedom) ที่จะแสวงหากำหนดกฎเกณฑ์และความหมายให้ชีวิตของตนเอง
(Meaning of life) มีอิสรเสรีภาพเฉพาะตัว
และเราไม่สามารถจะทำนายพฤติกรรมของมนุษย์ล่วงหน้าได้ การที่คนเรามีอิสระที่จะกระทำหรือไม่กระทำสิ่งใด หรือเลือกว่าจะเป็นผู้ให้หรือรับต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ตาม
เราจะต้องรับผิดชอบ (Responsibility) ต่อการกระทำและผลที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของตนเอง
โครงสร้างบุคลิกภาพและพัฒนาการ
คนเรามีชีวิตอยู่เพื่อที่จะหาความหมายให้กับชีวิต(Meaning
of life) ของตนเอง อยู่ไปทำไมหรืออยู่ไปเพื่ออะไร
ซึ่งความหมายของชีวิตหรือความรับผิดชอบของมนุษย์แต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกันออกไป
อันเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับค่านิยมเฉพาะที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน
เป้าหมายของการให้คำปรึกษา
เพื่อเป็นการช่วยให้ผู้รับคำปรึกษาเกิดสภาพการรู้จักตนเอง
เข้าใจถึงศักยภาพของตนเองเข้าใจโลกและสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ทราบวิธีการจัดอุปสรรค์ที่จะมาขัดขวางการเพิ่มพูนศักยภาพภายในตนเองผู้ให้คำปรึกษาจะพยายามช่วยผู้รับคำปรึกษาได้ใช้ศักยภาพของตนเอง
ในการเลือกหาความหมายของชีวิตให้เหมาะสมกับตนอย่างมีอิสรเสรีภาพ ( Freedom)
แต่ผู้รับคำปรึกษาจะต้องรับผิดชอบ (Responsibility) ต่อการตัดสินใจเลือกเป้าหมายในการดำเนินชีวิตของตนเอง
เทคนิคและอุปกรณ์ใช้ในการให้คำปรึกษา
เทคนิคที่ทฤษฏี
Existentialism เน้นเป็นเบื้องต้นก็คือ ความเข้าใจความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ให้คำปรึกษากับผู้รับคำให้คำปรึกษาส่วนเทคนิคอื่น
ๆนอกเหนือนี้ มักจะยืมเทคนิคจากทฤษฏีอื่นมาใช้ผสมผสานเข้าด้วยกัน
เช่นใช้วิธีการวิเคราะห์ทางจิต โดยนำเอาเทคนิค
Free Association มาใช้ โดยผู้ให้คำปรึกษาจะป้อนคำถามและให้ผู้รับคำปรึกษาตอบคำถามนั้นทันทีโดยไม่ต้องคิดเช่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น