วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การให้คำปรึกษาวัยรุ่นและครอบครัว

การให้คำปรึกษาวัยรุ่นและครอบครัว

การให้คำปรึกษาคืออะไร
                    เป็นกระบวนการให้แนวทาง เพื่อช่วยให้ผู้มารับคำปรึกษาสามารถช่วยตนเองให้มีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขได้
                    เป็นกระบวนการที่เอื้ออำนวยให้ผู้มารับคำปรึกษาสามารถพิจารณาปัญหาของตนอย่างถ่องแท้และเข้าใจปัญหาของตนเอง
                    เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการพัฒนาตนเองโดยมีพื้นฐานการยอมรับ ความมีคุณค่า ความมีศักดิ์ศรีของแต่ละบุคคล มุ่งให้คนนำศักยภาพตนเองออกมา

ปัญหาของครอบครัว เกิดจากอะไร
                    ความขัดแย้ง (ความคิด ความรู้สึก การกระทำ)
                     ความสถิตย์  ยึดติด ไม่เปลี่ยนแปลง (ความเคยชิน เหมือนเดิม)  
                    การปฏิเสธ หลีกเลี่ยงความจริง (ไม่พร้อมเผชิญสภาพเป็นจริง)
                     ความต้องการควบคุมอีกฝ่ายหนึ่งให้เป็น ให้มี ให้ได้ตามที่บุคคลนั้นต้องการ (การครอบครอง  ความเป็นเจ้าของ)
                    ความกลัว  ความรู้สึกผิด  ความละอายใจ (เสียดาย ดูถูก ยอมจำนน)
                    การไม่อยู่กับปัจจุบัน (ย้อนอดีต กระโดดอนาคต)
ปัญหาการขัดแย้งของบุคคล
                         1. ปัญหาการไม่เข้าใจกัน
                         2. ปัญหาการสื่อสาร
                         3. ปัญหาการเป็นเอกัตบุคคล
การแก้ปัญหา
                          1. แยกแยะประเด็นปัญหาให้ชัดเจน
                          2. สื่อสารทำความเข้าใจ
                          3. ร่วมกันหาวิธีแก้ไขปัญหา
                        4. แก้ไขตามวิธีที่เลือกไว้
เทคนิคการให้คำปรึกษาครอบครัวตามทฤษฎีของซะเทียร์ เป็นการผสมผสานเทคนิคจากทฤษฎีการให้คำปรึกษาแบบเกสตัลท์ (Gestalt therapy) ละครทางจิต (psychodrama) และผู้รับบริการเป็นศูนย์กลางในการบำบัด (client-centered therapy) ผู้เขียน ขอสรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับเทคนิคการให้คำปรึกษาครอบครัวตามทฤษฎีของซะเทียร์ ดังนี้
แผนที่ครอบครัว (family map) เป็นการเขียนแผนภูมิคล้ายกับการสืบทอดสกุล เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับสมาชิกครอบครัว ตลอดจนเครือญาติในแต่ละชั้น แผนที่ครอบครัวมีผลต่อความรู้สึกและพฤติกรรมของแต่ละบุคคล มีจุดมุ่งหมาย เพื่อประเมิน และยกระดับการรับรู้แบบแผนครอบครัวปัจจุบัน ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัว กล่าวคือเป็นการรับรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสมาชิกครอบครัวทางโครงสร้างย้อนขึ้นไป 3 รุ่น ประกอบด้วย ครอบครัวเดิมของแม่ ครอบครัวเดิมของพ่อ และครอบครัวปัจจุบัน ช่วยให้เห็นแนวทางในการปฏิบัติที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แสดงค่านิยมของบุคคลและกฏเกณฑ์ที่ใช้ในครอบครัว
ตัวอย่าง การใช้เทคนิคแผนที่ครอบครัวเป็นกิจกรรมในการบำบัด
ผู้บำบัด จะวาดภาพความสัมพันธ์ของครอบครัวลงในกระดาษแผ่นใหญ่ ขณะที่ครอบครัวเตรียมเล่าเรื่องราว โดยวงกลมแสดงถึงสมาชิกครอบครัวแต่ละคน ตั้งแต่รุ่นอายุที่ย้อนขึ้นไปและต่ำลงมา จากนั้น ผู้บำบัดจะถามสมาชิกครอบครัวถึงบทบาทความสัมพันธ์กับสมาชิกคนอื่น อาทิ ความสัมพันธ์กับภรรยา ความสัมพันธ์กับมารดา และอาชีพของผู้หญิง แล้วดึงเอาบทบาทที่แตกต่างออกมา พร้อมตั้งชื่อบทบาทนั้นในแต่ละวงกลม และถามสมาชิกครอบครัวถึงบทบาทหลักของบุคคลที่กล่าวถึง การจัดกระทำเหล่านี้ ก่อให้เกิดการอภิปรายสิ่งที่แตกต่างและความหลากหลายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เน้นความสามารถในการเข้าใจถึงบทบาท และความคาดหวังที่แตกต่างกันของสมาชิกครอบครัว
การวาดแผนที่ครอบครัว สามารถช่วยให้ผู้บำบัดประเมินความสัมพันธ์ของผู้เข้ารับการบำบัดกับสมาชิกครอบครัวและบุคคลอื่น เพื่อช่วยให้ผู้เข้ารับการบำบัดได้ตระหนักรู้ถึงศักยภาพของตนต่อสมาชิกครอบครัวและบุคคลอื่น ซึ่งถือเป็นวิธีการสำหรับการแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในจิตใจ

คุณสมบัติในการเป็นที่ปรึกษา
เทคนิคและทักษะทางจิตวิทยาในการให้คำปรึกษาแก่วัยรุ่นและครอบครัว
                1. ขั้นเริ่มต้นให้คำปรึกษา
               2. ขั้นสำรวจปัญหา
            3. ขั้นทำความเข้าใจปัญหา
               4. ขั้นตั้งเป้าหมาย และ ดำเนินการแก้ปัญหา
               5. ขั้นยุติการให้คำปรึกษา
ทักษะในการให้คำปรึกษา
     1. ทักษะเบื้องต้นในการใส่ใจ(Basic  Attending Skills)
                 1.1 พฤติกรรมการใส่ใจ  ได้แก่ การประสานสายตาการใช้ภาษากายที่เหมาะสม น้ำเสียง การแสดงออกทาง สีหน้าและการพูดที่สอดคล้องหรือการตอบสนองด้วยคำพูด
            1.2 ทักษะการใช้คำถาม
      คำถามปลายเปิด : เปิดโอกาสให้ผู้รับคำปรึกษาได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่  คำถามปลายเปิดมักมีคำต่อไปนี้  อะไร อย่างไร ที่ไหน เมื่อไร แต่ให้หลีกเลี่ยงคำว่า ทำไม เพราะจะทำให้ผู้รับคำปรึกษาเกิดความรู้สึกว่าตนเองถูกตำหนิ และ เกิดการต่อต้าน
คำถามปลายปิด : ใช้เมื่อต้องการให้ได้ข้อมูลเฉพาะเจาะจง คำถามมักลงท้ายด้วยคำว่า ใช่ไหม หรือ 
            1.3 ทักษะการฟัง
                          จุดมุ่งหมายหลักของการฟัง คือ
                        1. เข้าใจพฤติกรรมที่ไม่ใช่ภาษาพูด
                        2. เข้าใจพฤติกรรมที่เป็นภาษาพูด
                        3. เข้าใจผู้รับคำปรึกษาในฐานะเป็นบุคคลคนหนึ่ง
            1.4 ทักษะการกระตุ้นเพียงเล็กน้อย ( Minimal  Encouragement )
                          เป็นวิธีการหนึ่งที่ผู้ให้คำปรึกษาใช้ภาษาท่าทาง เช่น ผงกศีรษะ และ ท่าทางที่แสดงความใส่ใจ และภาษาพูดสั้น ๆ เพื่อแสดงให้ผู้รับคำปรึกษารับรู้ถึงความสนใจที่จะติดตามเรื่องราว และส่งเสริมให้เขาหรือเธอเล่าเรื่องต่อไป
            1.5 ทักษะการทวนความ  
                          เป็นวิธีการหนึ่งที่ผู้ให้คำปรึกษาใช้ในการส่งข่าวสารกลับไปยังผู้รับคำปรึกษา เพื่อตอบสนองสิ่งที่เขาหรือเธอกำลังรับฟังอยู่ โดยการเล่าถึงเนื้อหา และ ความหมายนั้นเสียใหม่ ด้วยคำพูดของผู้ให้คำปรึกษา
            1.6 ทักษะการสะท้อนความรู้สึก  
                                เป็นวิธีการหนึ่งของกระบวนการฟัง เพราะเป็นการที่ผู้ให้คำปรึกษาใช้ในการส่งข่าวสารกลับไปยังผู้รับคำปรึกษา เพื่อตอบสนองสิ่งที่เขาหรือเธอกำลังรับฟังอยู่ เช่นเดียวกับการทวนความ แต่ต่างกันที่การสะท้อนความรู้สึกจะเลือกเฉพาะส่วนที่เป็นอารมณ์และความรู้สึกของผู้รับคำปรึกษาเท่านั้น
                1.7. ทักษะการสรุป
                                    เพื่อรวบรวมความคิด และ ความรู้สึกที่สับสน กระจัดกระจายให้เป็นกลุ่ม หรือ เป็นการสรุปความสำคัญ ๆ ในกรณีที่มีการสนทนายาว ๆ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจระหว่างผู้ให้คำปรึกษาและผู้รับคำปรึกษา เพื่อช่วยเตรียมตัวผู้รับคำปรึกษาให้พร้อมก่อนที่จะให้คำปรึกษาครั้งต่อไป

ทักษะในการให้คำปรึกษา
            2. ทักษะเบื้องต้นในการโน้มน้าวใจ (Basic  Influencing  Skills)
                                2.1 ทักษะการเจาะจง
                        2.2 ทักษะการเผชิญหน้า
                             2.3 ทักษะการนำ
                             2.4 ทักษะการสะท้อนกลับ และ การเปิดเผยตนเอง
                             2.5 ทักษะการตีความหมาย

สิ่งที่สังคมและผู้รับคำปรึกษาคาดหวังจากผู้ให้คำปรึกษาสามารถสรุปได้ดังนี้
               1. ความรู้
               2. ความเป็นกันเอง
               3. ความเข้าใจผู้ป่วย
               4. ความเป็นผู้มีบุคลิกภาพเหมาะสม
               5. ความเป็นผู้มีวาจาถูกต้องและเหมาะสม
               6. ความเป็นผู้มีจริยธรรม และ คุณธรรม

ลักษณะทางอารมณ์และพฤติกรรมที่แสดงถึงปัญหาด้านจิตใจในวัยรุ่นและครอบครัวที่มารับคำปรึกษา
            1. ความวิตกกังวล ( Anxiety )
                2. ความกลัว ( Fear )
                3. ความโกรธ ( Anger )
                4. ซึมเศร้า ( Depression )

สรุปหลักปฏิบัติในการให้คำปรึกษา
            1. สนใจต่อสิ่งที่วัยรุ่นและครอบครัวพูด ( Attending )
                2. การสังเกตอย่างรอบคอบ (Observe )
                3. การฟัง
                             - ฟังแบบต่อต้าน
                             - ฟังแบบเลือกฟัง
                             - ฟังแบบตั้งใจฟัง
                             - ฟังด้วยความเข้าใจ
                4.  การโต้ตอบ
                         - คำพูดที่สนทนาต้องมีความหมายชัดเจน
                          ไม่คลุมเครือ
                               - แสดงถึงการเข้าถึงความรู้สึกของผู้มารับคำปรึกษา
                5.  การแปลความหมายพฤติกรรม
                6.  การตรวจสอบความถูกต้อง

การให้คำปรึกษาครอบครัวมองภาพครอบครัว เป็นระบบ ระบบย่อย ในครอบครัว ( Family Subsystem )ประกอบด้วย
                    เพศ ( Gender )
                    ระบบสามีภรรยา ( The Spouse Subsystem )
                    ระบบพ่อแม่ ( The parental Subsystem )


เป้าหมายในการให้คำปรึกษา
ทำให้เกิดสภาพการณ์ใหม่ ซึ่งจะทำให้ครอบครัวปรับเปลี่ยนโครงสร้าง  ระบบความสัมพันธ์ของตนให้เหมาะสมกว่าเดิม
แนวคิดการให้คำปรึกษาครอบครัว
     1. เน้นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายนอกจิตใจ มากกว่าภายในจิตใจ
    2. เพ่งเล็งที่ระบบทั้งหมด
    3. มองปัญหาแบบวงจรไม่มองแบบเส้นตรง
    4. สนใจว่าปัญหาดำเนินอยู่ได้อย่างไรและมีบทบาทอย่างไร
   5. มุ่งที่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ทฤษฏีครอบครัว เชื่อว่า
1.               ครอบครัวเป็นหน่วยทางอารมณ์ ( The Family as an emotional unit )
2.               สมาชิกแต่ละคนจะมีความผูกพันกัน ประสานกันและติดต่อเกี่ยวข้องกัน ( A network of interlocking
Relationships )
            3. จะเข้าใจครอบครัวมากยิ่งขึ้น หากสามารถวิเคราะห์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น